สสอ.โพนทราย เตือน หากมีไข้เฉียบพลัน และสูงเกิน 2 วันต้องรีบพบแพทย์

ตั้งแต่ต้นปีถึงวันที่ 11 มิถุนายน 2562 ประเทศไทยมีรายงานผู้ป่วยทั้งหมด 28,785 ราย เสียชีวิต 43 ราย 
ส่วนสถานการณ์จังหวัดร้อยเอ็ด ตั้งแต่ต้นปี ถึงวันที่ 15 มิถุนายน 2562 มีรายงานผู้ป่วยไข้เลือดออก จำนวน 707 ราย ไม่มีผู้ป่วยเสียชีวิต อัตราป่วยอยู่ในลำดับที่ 31 ของประเทศ ลำดับที่ 7 ของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จำนวนผู้ป่วยปีนี้ มีแนวโน้มสูงขึ้นตั้งแต่ต้นปี โดยเฉพาะในเดือนพฤษภาคม จำนวนผู้ป่วยเพิ่มสูงมากขึ้นประมาณ 2.4 เท่า ซึ่งตั้งแต่เดือนพฤษภาคม – สิงหาคม เป็นฤดูกาลการระบาดของโรคไข้เลือดออก

 

กลุ่มอายุที่พบว่ามีอัตราป่วยสูงสุด คือ กลุ่มอายุ 10 – 14 ปี และ กลุ่มอายุ 5-9 ปี 
พื้นที่เกิดโรค พบผู้ป่วย 20 อำเภอ 145 ตำบล 370 หมู่บ้าน อำเภอที่มีอัตราป่วยสะสมสูงสุด 5 อันดับแรก คือ อ.ธวัชบุรี รองลงมาคือ อ.หนองพอก อ.เมืองร้อยเอ็ด อ.โพนทอง และ อ.เสลภูมิ 

ตำบลที่พบผู้ป่วยในช่วง 4 สัปดาห์ล่าสุด 5 อันดับแรก คือ ต.ท่าสีดา อ.หนองพอก 14 ราย ต.หนองขุ่นใหญ่ อ.หนองพอก 12 ราย ต.นาแซง อ.เสลภูมิ 10 ราย ต.หัวช้าง อ.จตุรพักตรพิมาน 9 ราย และ ต.สระคู อ.สุวรรณภูมิ 9 ราย

ผู้ป่วยที่ต้องสงสัยโรคไข้เลือดออก เด็ก ที่มีอาการไข้เฉียบพลันและสูงลอยเกินกว่า 2 วัน อ่อนเพลีย อาจมีอาการผื่น ๆ หน้าแดง ๆ หรือคลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้อง ผู้ใหญ่ ที่มีอาการไข้เฉียบพลันและสูงลอยเกินกว่า 2 วัน อ่อนเพลีย กินได้น้อย หรือคลื่นไส้อาเจียน ปวดท้องให้ผู้ป่วยไปรับการตรวจวินิจฉัยและรักษาที่โรงพยาบาลโดยเร็วที่สุด
ห้าม ใช้ยาลดไข้ประเภทต้านการอักเสบ (NSAID)(อ่านว่า เอ็น-เสด) ทั้งฉีดและรับประทาน และแนะผู้ป่วยควรรีบไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาลหากอาการไม่ดีขึ้นภายใน 2 วัน ไม่แนะนำให้เปลี่ยนคลินิกรักษาหรือซื้อยารับประทานเองเรื่อย ๆ เพราะจะทำให้ล่าช้าในการรักษา ทำให้เสียชีวิตได้

ผู้ที่เสี่ยงต่อการเสียชีวิตผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่มีโรคประจำตัวหรือภาวะเสี่ยง ได้แก่ โรคอ้วน เบาหวาน โรคหัวใจ โรคเลือด ความดันโลหิตสูง ผู้สูงอายุ ผู้ที่กำลังมีประจำเดือนและติดสุรา ผู้ป่วยผู้ใหญ่บางรายถูกวินิจฉัยในครั้งแรกเลือดออกในกระเพาะ หรือทางเดินอาหารและไข้ไม่ทราบสาเหตุ นอกจากนี้พบว่าผู้ป่วย ร้อยละ 50 มีประวัติไปซื้อยารับประทานเองหรือไปฉีดยาลดไข้จากคลินิก 

สำนักงานสาธารณสุขอำเภอโพนทราย ขอความร่วมมือให้ทุกคนร่วมกำจัดลูกน้ำยุงลายอย่างต่อเนื่องให้เป็นบ้าน/สถานที่ ปลอดลูกน้ำยุงลาย ทำทุกบ้าน ทุกพื้นที่ ทุกสัปดาห์ ในชุมชน เช่น วัด โรงเรียน โรงพยาบาล สถานที่ราชการ สถานที่สาธารณะ โดยการสำรวจและกำจัดขยะ หรือภาชนะที่อาจเป็นแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลาย โดยไม่ต้องรอให้มีน้ำขัง เช่น ถ้วย กล่องโฟม กะลามะพร้าว เปลือกไข่ กระป๋อง แก้วพลาสติก ถังน้ำ ยางรถยนต์ “ไม่มีลูกน้ำ ไม่มียุงลาย ไม่ให้ยุงเกิด ไม่ให้ยุงกัด”