โรคไข้หวัดใหญ่ โรคร้ายแรงพบมากในทุกวัย ติดต่อจากคนสู่คน

โรคไข้หวัดใหญ่ คืออะไร?
โรคไข้หวัดใหญ่ หรือในภาษาอังกฤษเรียกว่า influenza หรือ flu เป็นโรคที่มีการติดเชื้อจากไวรัสไข้หวัดใหญ่ อาการของโรคจะมีตั้งแต่อาการเล็กน้อยไปจนถึงอาการที่รุนแรง โดยเชื้อชนิดนี้มีอยู่ด้วยกันหลากหลายชนิด นอกจากจะทำให้เกิดโรคไข้หวัดใหญ่ในคนแล้ว ยังเกิดในสัตว์ เช่น หมู นก และม้า แต่โดยทั่วไปแล้วไวรัสที่อยู่ในสัตว์ชนิดใดก็จะก่อให้เกิดโรคเฉพาะในสัตว์ชนิดนั้น เช่น ไวรัสไข้หวัดนกก็จะเกิดโรคในสัตว์ปีกเป็นหลัก แต่สำหรับข่าวที่เคยดังมาหลายปีก่อน เกี่ยวกับโรคไข้หวัดนกนั้น เกิดจากการที่ไวรัสมีการเปลี่ยนแปลงจึงทำให้มีการติดต่อมายังมนุษย์หรือสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม แต่ที่มันสามารถติดต่อเข้าสู่คนได้ง่ายนั้น ก็เนื่องจากมีการสัมผัสที่ใกล้ชิดมาก
ความแตกต่างระหว่างไข้หวัดใหญ่และไข้หวัดธรรมดา
สำหรับความแตกต่างระหว่างไข้หวัดใหญ่และไข้หวัดธรรมดา คือ ไข้หวัดใหญ่เป็นการติดเชื้อของ influenza virus ซึ่งเป็นการติดเชื้อในทางเดินของระบบหายใจ ไม่ว่าจะเป็นจมูก คอ หลอดลม และปอด โดยเชื้อของมันมีการลามเข้าไปที่ปอดจนทำให้เกิดอาการปอดบวม และผู้ป่วยจะมีไข้สูง มีอาการปวดศีรษะ ปวดตามตัว และปวดตามกล้ามเนื้อเป็นอย่างมากซึ่งจะมีการพบมากในทุกวัย โดยเฉพาะในวัยเด็กจะมีการพบมากที่สุด แต่อัตราการเสียชีวิตจากการเป็นโรคไข้หวัดใหญ่มักเกิดกับผู้ที่มีอายุมากกว่า 60 ปี หรือผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคปอด โรคตับ โรคไต และโรคหัวใจ เป็นต้น แต่ในส่วนของไข้หวัดธรรมดานั้นจะเป็นไข้หวัดที่มีการติดต่อของเชื้อไวรัส โดยผู้ที่เป็นโรคไข้หวัดธรรมดาจะแสดงออกของการมีน้ำมูกไหล และมีไข้ที่ไม่สูงมาก
สายพันธุ์ของโรคไข้หวัดใหญ่
ไข้หวัดใหญ่เป็นไข้หวัดที่มีระดับความรุนแรงมากกว่าไข้หวัดธรรมดา แต่ในอาการเริ่มแรกมักจะไม่แตกต่างกันนัก ซึ่งอาการที่เกิดขึ้นในแต่ละคนยังแตกต่างกันออกไป ขึ้นอยู่กับสายพันธุ์ที่ผู้ป่วยได้รับเชื้อ โดยมีการแบ่งออกเป็น 2 สายพันธุ์หลักๆ โดยในแต่ละสายพันธุ์จะแบ่งตระกูลย่อยได้ออกมาอีกเป็น 4 ชนิดด้วยกัน
- ไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ A แบ่งออกเป็น H1N1 และ H3N2 เป็นไข้หวัดใหญ่ที่มีอาการรุนแรง มีการแพร่ระบาดที่ควบคุมได้ยากกว่าชนิดอื่นๆ เชื้อที่ตรวจพบในร่างกาย ยังสามารถเสี่ยงต่อการกลายพันธุ์ได้สูง ซึ่งสามารถแพร่กระจายจากสัตว์สู่คนและติดเชื้อขึ้นมาได้
- ไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ B แบ่งออกเป็นตระกูล Victoria และ Yamagata เป็นไวรัสที่จะพบเชื้อได้ในคนเท่านั้น อาการไม่รุนแรงเท่าสาพันธุ์ A ส่วนมากจะเกิดการแพร่ระบาดในช่วงฤดูหนาว เพราะสภาพแวดล้อมที่เชื้อไวรัสชนิดนี้ชอบคืออากาศเย็นและแห้ง โดยเฉพาะในช่วงเดือนธันวาคมไปจนถึงเดือนมกราคมที่จะต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ ส่วนในฤดูฝน จะมีไวรัสสายพันธุ์นี้ได้บ้าง กลุ่มที่มีความเสี่ยงต่อการรับเอาเชื้อไวรัสเข้าไป ตามมาด้วยอาการที่รุนแรงคือผู้ป่วยโรคปอด โรคหัวใจ เด็กที่มีอายุน้อยกว่า 2 ปี คนท้อง และผู้สูงอายุ
ความแตกต่าง ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ A และ B
ให้สังเกตง่ายๆ ว่าหากเป็นโรคไข้หวัดใหญ่ขึ้นมา อาการของสายพันธุ์ A จะมีความรุนแรงมากกว่าสายพันธุ์ B อยู่มากเมื่อแพร่ระบาดแล้วจะยากต่อการควบคุม ผู้ป่วยที่ติดไวรัสสายพันธุ์ A จึงต้องระมัดระวังตัวเองไม่ให้ไปเกี่ยวข้องกับผู้อื่น ใส่ผ้าปิดจมูก หลีกเลี่ยงการอยู่ในพื้นที่ที่มีผู้คนแออัด เพราะหากคนอื่นได้รับเชื้อ มีการรักษาไม่ถูกวิธี เสี่ยงที่ไวรัสจะเกิดการกลายพันธุ์ได้ง่าย การรักษาก็จะทำได้ยุ่งยากมากขึ้นตามมา
อาการของโรคไข้หวัดใหญ่
ในส่วนของอาการของผู้ป่วยโรคไข้หวัดใหญ่มักจะมีอาการของไข้สูง ตัวร้อน รู้สึกหนาว มีอาการปวดเมื่อยตามตัวและตามกล้ามเนื้อ โดยเฉพาะในบริเวณหลัง ศีรษะ ต้นแขน ต้นขา มีอาการเบื่ออาหาร ขมในคอ มีน้ำมูกใสๆ ไอแห้ง คัดจมูก และรู้สึกจุกแน่นในท้อง สำหรับอาการแต่ละช่วงจะมีการแบ่งย่อยออกไป โดยสามารถแบ่งออกได้ดังนี้
- ช่วงของระยะฟักตัว 1-4 วัน ซึ่งเป็นช่วงที่ไข้หวัดใหญ่ไม่มีโรคแทรกซ้อนใดๆ โดยจะมีอาการอ่อนเพลียอย่างเฉียบพลัน ผู้ป่วยมีอาการเบื่ออาหาร ปวดศีรษะอย่างรุนแรง ปวดในบริเวณรอบดวงตา ปวดแขนปวดขา มีอาการเจ็บคอ คอแดง มีน้ำมูกใส ตัวร้อนแดง ตาแดง มีไข้สูงถึง 39-40 องศาเซลเซียส และมักมีอาการอาเจียนหรือท้องเดิน โดยจะเป็นไข้ประมาณ 2-4 วัน แล้วไข้จึงค่อยๆ ลดลง แต่อาการคัดจมูก และอาการแสบคอยังคงอยู่ซึ่งอาจจะหายในช่วงเวลาประมาณ 1 สัปดาห์
- ในช่วงที่ไข้หวัดใหญ่มีอาการรุนแรงและมักเกิดโรคแรกซ้อนที่ระบบอื่น จะมีการพบการอักเสบของเยื้อหุ้มหัวใจ โดยผู้ป่วยจะมีอาการเจ็บที่หน้าอก หรือบางครั้งมีอาการหัวใจวาย ในส่วนของระบบประสาทจะมีการพบเยื้อหุ้มสมองเกิดการอักเสบ รวมทั้งสมองก็มีการอักเสบด้วยเช่นกัน โดยอาการนี้จะทำให้ผู้ป่วยมีอาการปวดศีรษะอย่างมาก และมีอาการซึมลงตามมา ในส่วนของระบบหายใจก็จะมีอาการอักเสบเกิดขึ้นกับหลอดลม และทำให้มีอาการปอดบวม โดยผู้ป่วยจะมีอาการแน่นหน้าอกและเหนื่อยง่าย ส่วนระยะเวลาของการเป็นไข้หวัดนั้นจะหายในเวลาเพียงไม่กี่วันเท่านั้น แต่สำหรับผู้ป่วยบางรายจะมีอาการไอและปวดตามเนื้อตัวนานถึง 2 สัปดาห์ อีกทั้งในกรณีผู้ป่วยที่เป็นไข้หวัดใหญ่จนถึงขั้นเสียชีวิต นั่นเป็นเพราะเกิดจากโรคแทรกซ้อนอย่างโรคปอดบวมและโรคหัวใจ หรือบางครั้งก็เกิดจากโรคที่ผู้ป่วยเป็นอยู่
-
วิธีการรักษาโรคไข้หวัดใหญ่
การรักษาโรคไข้หวัดใหญ่โดยส่วนใหญ่แล้วทำได้ด้วยการรักษาแบบประคับประคอง ซึ่งแพทย์จะดูแลรักษาตามอาการของผู้ป่วยที่แสดงออกมา โดยผู้ป่วยบางรายอาจต้องใช้ยาต้านไวรัสโดยเฉพาะ แต่ในส่วนของผู้ป่วยที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงที่มีโอกาสเป็นโรครุนแรง แพทย์ก็จะพิจารณาให้การรักษาเป็นรายๆ สำหรับผู้ป่วยในรายที่มีอาการป่วยเป็นปอดบวมหรือมีอาการที่รุนแรงก็จำเป็นต้องได้รับการรักษาโดยการนอนพักรักษาตัวที่โรงพยาบาล เพื่อได้รับการรักษาจากแพทย์อย่างใกล้ชิด ในกรณีที่ในบ้านมีผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่ สมาชิกที่เหลือก็จำเป็นต้องป้องกันให้ดี เพราะการติดต่อของโรคไข้หวัดใหญ่จะเกิดจากการสัมผัสละอองฝอยจากการไอและการจามของผู้ป่วย ซึ่งละอองฝอยนั้นจะมีเชื้อของไข้หวัดใหญ่อยู่ เมื่อมันไปสัมผัสกับทางเดินหายใจหรือไปสัมผัสที่เยื่อบุต่างๆ เช่น เยื่อบุตา ก็จะทำให้เชื้อเข้าสู่ร่างกายของสมาชิกที่เหลือจนเป็นโรคไข้หวัดใหญ่ตามไปด้วย ดังนั้นผู้ป่วยจึงจำเป็นต้องสวมหน้ากากอนามัยเมื่อต้องอาศัยอยู่พร้อมกับสมาชิกคนอื่นๆ ในบ้าน