ศูนย์วัฒนธรรมไทโส้กุสุมาลย์
ประวัติความเป็นมาของงานเทศกาลโส้รำลึก
งานเทศกาลโส้รำลึกอำเภอกุสุมาลย์
เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๒๔ ข้าราชการ กำนัน ผู้ใหญ่บ้านและประชาชน ชาวอำเภอกุสุมาลย์ ได้ร่วมแรงร่วมใจกันก่อตั้งศูนย์ศิลปวัฒนธรรมไทโส้ขึ้นเพื่อเป็นพี่เก็บรวบรวมสิ่งของวัตถุโบราณต่างๆ ของชาวไทโส้ ไว้ให้ชนรุ่นหลังได้ศึกษาและได้สร้างอนุสาวรีย์ “พระอรัญอาสา” เจ้าเมืองเก่าไว้ ณ บริเวณศูนย์ศิลปวัฒนธรรมไทโส้เพื่อให้ลูกหลานชาวไทโส้และประชาชนทั่วไปได้สักการบูชา ซึ่งตั้งอยู่ในบริเวณศูนย์ราชการอำเภอกุสุมาลย์ และในปี พ.ศ. ๒๕๒๕ ได้มีการจัดงานเพื่อแสดงศิลปวัฒนธรรมของชาวไทโส้ขึ้นเป็นครั้งแรก เมื่อวันที่ ๒๘ มกราคม พ.ศ. ๒๕๒๕ ตรงกับวันขึ้น ๔ ค่ำ เดือน ๓ โดยใช้ชื่อว่า “งานเทศกาลโส้รำลึก” ซึ่งเป็นการจัดหลังวันที่ชาวไทโส้ทำพิธีเยา การเซ่นไหว้ผีบรรพบุรษ และการสู่ขวัญเจ้าขวัญเรือนจริง ๑ วัน คือ วันขึ้น ๓ ค่ำ เดือน ๓ ของทุกปี
ดังนั้น ในวันที่ ๒๓ – ๒๕ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๘ ซึ่งตรงกับวันขึ้น ๔ – ๖ ค่ำ เดือน ๓ อำเภอกุสุมาลย์ โดยเทศบาลตำบลกุสุมาลย์ ร่วมกับคณะกรรมการศูนย์วัฒนธรรมไทโส้และสภาวัฒนธรรมอำเภอกุสุมาลย์ได้กำหนดจัดงานเทศกาลโส้รำลึกขึ้นเป็นครั้งแรก โดยมีวัตถุประสงค์ ดังนี้
- เพื่อเป็นการอนุรักษ์ไว้ซึ่งขนบธรรมเนียมประเพณีและวัฒนธรรมของชาวไทโส้กุสุมาลย์ ให้คงอยู่สืบไป
- เพื่อเป็นการเผยแพร่ขนบธรรมเนียมประเพณีและวัฒนธรรมของชาวไทโส้กุสุมาลย์ ให้เป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลาย
- เพื่อนำรายได้ส่วนหนึ่งไปปรับปรุงศูนย์วัฒนธรรมไทโส้ให้มีมาตรฐานดียิ่งขึ้น
- เพื่อส่งเสริมให้ประชาชนรู้จักวัฒนธรรมประเพณีอันเก่าแก่ที่ถือปฏิบัติมาเป็นระยะเวลานาน
- สร้างความสัมพันธ์ปรองดองในหมู่ชนเผ่าต่างๆ ในภาคอีสานให้มีความสามัคคี
ประวัติความเป็นมาของอำเภอกุสุมาลย์
เมื่อ พ.ศ.๒๓๘๑ ราชวงค์คำ ได้รับแต่งตั้งเป็นประเทศธานีเจ้าเมืองสกลนคร จึงได้นำกำลังไพร่พลไปเกลี้ยกล่อมเอาครอบครัวหัวเมืองลาวที่ค้างอยู่ทางฝากฝั่งแม่น้ำโขงทางทิศตะวันออก ให้ข้ามมา เพื่อไม่ให้เป็นแหล่งสนับสนุนของกองทัพญวน พ.ศ. ๒๓๘๕ ท้างโรงกลางบุตรเจ้าเมืองวัง ท้าวเพื้ยเมืองสูง ท้าวเพี้ยบุตรโคตร หัวหน้าข่ากระโซ่กับครอบครัวบ่าไพร่ ได้เข้ามาสู่พระบรมโพธิสมภารเป็นจำนวนมากแล้วตั้งบ้านเรือนทำมาหากิน อยู่แถบฝั่งแม่น้ำโขงและรอบเมืองสกลนคร
พ.ศ.๒๓๘๗ พระยาประเทศธานีนำหัวหน้าครอบครัวกลุ่มต่างๆ ลงไปเฝ้าสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวที่กรุงเทพฯ ให้ตั้งบ้านประขาวพันนา และบ้านกุสุมาลย์ขึ้นเป็นเมือง ให้ท้าวโรงกลางเป็นพระเสราณรงค์เจ้าเมืองพันนา ท้าวเพี้ยเมืองสูงเป็นหลวงอรัญอาสา เจ้าเมืองกุสุมาลย์ พระราชทานเครื่องยศตามตำแหน่ง ให้ขึ้นตรงต่อเมืองสกลนคร
พ.ศ. ๒๔๐๕ ในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๔ ทรงโปรดเกล้าฯ ให้ตั้งเมืองโพธิไพศาล (ปัจจุบันเป็นตำบลโพธิไพศาล) เพราะเกิดการขัดแย้งชิงตำแหน่งหน้าที่ราชการกัน ให้ท้าวขัติยะเป็นพระยาไพศาลเสนานุรักษ์เจ้าเมืองโพธิไพศาล และในปีเดียวกันได้ย้ายเมืองกุสุมาลย์จากเดิม (ปัจจุบัน คือ บ้านเมืองเก่า) เพราะเกิดความแห้งแล้งและเกิดโรคระบาด มาตั้งอยู่ในที่ปัจจุบัน
พ.ศ.๒๔๑๙ หลวงอรัญอาสาได้ถึงแก่กรรม ท้าวกิ่งบุตรชายหลวงอรัญอาสา ซึ่งเคยไป
เรียนวิชาการปกครองจากกรุงเทพฯ ได้เป็นเจ้าเมืองกุสุมาลย์สืบต่อและได้บรรดาศักดิ์เป็น “พระอรัญอาสา
พ.ศ.๒๔๓๙ ในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงโปรดเกล้าฯ
เปลี่ยนแปลงเมืองกุสุมาลย์ และเมืองโพธิไพศาลไปขึ้นกับเมืองนครพนม ต่อมาเมื่อมีการส่งเจ้านายมาสำเร็จราชการมณฑลฝ่ายเหนือเมืองต่างๆ จึงเปลี่ยนฐานะเป็นอำเภอ เจ้าเมืองดำรงตำแหน่งเป็นนายอำเภอ
พ.ศ.๒๔๕๖ ทางราชการยุบอำเภอกุสุมาลย์ แล้วโอนท้องที่ไปขึ้นกับอำเภอเมืองสกลนคร
บ้าง อำเภอเมืองนครพนมบ้าง กุสุมาลย์จึงมีฐานะเป็นตำบลมาจนกระทั่ง วันที่ ๑ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๐๕ จึงได้รับฐานะเป็นกิ่งอำเภอ
พ.ศ. ๒๕๑๐ ได้มีพระราชกฤษฎีกา ยกฐานะกิ่งอำเภอขึ้นเป็นอำเภอ เมื่อวันที่ ๑๔
พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๑๐ มีพื้นที่ ๔๕๔ ตารางกิโลเมตร ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของจังหวัดสกลนคร ระยะห่างจากจังหวัดสกลนคร ๔๑ กิโลเมตร ปัจจุบันแบ่งการปกครองออกเป็น ๕ ตำบล ๖๙ หมู่บ้าน จำนวนประชากร ๔๔,๓๗๘ คน มีการปกครองในรูปของการบริหารส่วนท้องถิ่นเป็นเทศบาล ๑ แห่ง องค์การบริหารส่วนตำบล ๕ แห่ง ประชากรส่วนใหญ่เป็นชนพื้นเมืองเผ่าไทโส้ มีภาษาพูดและขนบธรรมเนียมประเพณีเป็นของตนเอง อาชีพหลัก คือ การเกษตรกรรม มีฐานะยากจน นับถือศาสนาพุทธเป็นส่วนใหญ่ ชาวไทโส้มีความเชื่อในเรื่องของผีและไสยศาสตร์ มีพิธีกรรมต่างๆ ของชาวไทโส้ จึงเกี่ยวกับไสยศาสตร์ทั้งสิ้น


เอกสารแนบ :