งานอนามัยโรงเรียน
@ เปิดโรงเรียนปลอดภัย ด้วยหลักการตัดความเสี่ยง
กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข ได้ร่วมกับ กระทรวงศึกษาธิการ เตรียมจัดทำโครงการ 'Sandbox Safety Zone in School' เปิดเรียนมั่นใจ ปลอดภัยไร้โควิด-19 ในโรงเรียนประจำ ด้วยหลักการ ตัดความเสี่ยง สร้างภูมิคุ้มกัน (3T1V) โดยมีโรงเรียนประสงค์จะเข้าร่วมโครงการ 68 แห่ง ในพื้นที่ 33 จังหวัด ตั้งแต่เดือน ส.ค.2564 เป็นต้นไป
โดยหลักการ ตัดความเสี่ยง สร้างภูมิคุ้มกัน (3T1V) มีดังนี้
1. Thai Stop Covid Plus (TSC+) โรงเรียนต้องประเมินตนเอง เตรียมความพร้อมก่อนเปิดเรียน
2. Thai Save Thai (TST) นักเรียน ครู และบุคลากรทางการศึกษา ต้องประเมินความเสี่ยงของตนเอง
3. Antigen Test Kit (ATK) นักเรียน ครู และบุคลากรทางการศึกษา ทุกคนต้องตรวจคัดกรอง ATK ก่อนเข้าโรงเรียน และมีการสุ่มตรวจเฝ้าระวัง
4. Vaccine ครูและบุคลากรทางการศึกษา เข้าถึงการฉีดวัคซีน ครอบคลุมมากกว่า 85%
@ โรงเรียนต้องจัดการเรียนการสอนรูปแบบผสม
สำหรับโรงเรียนประจำที่เข้าร่วมโครงการ จะต้องมีการประชุมหารือร่วมกับผู้ปกครอง ภาคสมัครใจ รวมถึงผ่านความเห็นชอบของคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด โดยจัดการเรียนการสอนแบบผสม (Hybrid) ระหว่างรูปแบบการสอนในห้อง (On site) และออนไลน์ (Online) โดยโรงเรียนต้องประเมินเพื่อเตรียมความพร้อมก่อนเปิดเรียน ผ่าน Thai Stop Covid Plus (44 ข้อ) และถือปฏิบัติอย่างเข้มข้นและต่อเนื่อง ทั้งนี้จะมีการกำกับติดตามประเมินผลโดยคณะกรรมการตรวจราชการบูรณาการ
ส่วนการจัดระบบการจัดซื้อจัดหาอาหาร ให้โทรสั่งตามระบบนำส่ง (Delivery) จากร้านอาหารหรือแหล่งปรุง ประกอบอาหาร ให้มาส่งในจุดที่ที่จัดเตรียมรับอาหาร และในกรณีโรงเรียน มีการเปิดเรียนแล้ว แต่ต้องปิดเรียน เนื่องจากมีการติดเชื้อภายในโรงเรียน ต้องปฏิบัติตามแผนเผชิญเหตุของสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด
@ ตรวจหาเชื้อก่อนเข้า-ใช้มาตรการซีลพื้นที่
สำหรับบุคคลากรในโรงเรียน รวมถึงครู และนักเรียนต้องตรวจหาเชื้อด้วย Antigen Test Kit (ATK) ก่อนเข้าสถานศึกษา ถ้าหากผลเป็นบวก ต้องรับการตรวจ RT-PCR เพื่อยืนยันผล
โดยเน้นการทำกิจกรรมในรูปแบบ Bubble and Seal ห้ามออกนอกสถานศึกษา 14 วัน หรือ 1 ภาคเรียน ตามเงื่อนไข หากกรณีมีความจำเป็นต้องออกนอกสถานศึกษา ต้องได้รับการขออนุญาตจากผู้บริหารสถานศึกษาและคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด และจะต้องมีการประเมินความเสี่ยงผ่าน Thai save Thai อย่างสม่ำเสมอ และปฏิบัติตนตามมาตรการส่วนบุคคลอย่างเข้มข้น
ขณะที่ ครูและบุคลากรทางการศึกษา จะต้องเข้าถึงการฉีดวัคซีน ครอบคลุมมากกว่า 85% และจัดให้มีระบบการติดตามอย่างเข้มงวด โดยเฝ้าระวังสุ่มตรวจ ATK ทุก 14 วัน หรือ 1 เดือนต่อภาคเรียน
สำหรับโรงเรียนประจำที่เข้าร่วมโครงการ จะต้องมีการประชุมหารือร่วมกับผู้ปกครอง ภาคสมัครใจ รวมถึงผ่านความเห็นชอบของคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด โดยจัดการเรียนการสอนแบบผสม (Hybrid) ระหว่างรูปแบบการสอนในห้อง (On site) และออนไลน์ (Online) โดยโรงเรียนต้องประเมินเพื่อเตรียมความพร้อมก่อนเปิดเรียน ผ่าน Thai Stop Covid Plus (44 ข้อ) และถือปฏิบัติอย่างเข้มข้นและต่อเนื่อง ทั้งนี้จะมีการกำกับติดตามประเมินผลโดยคณะกรรมการตรวจราชการบูรณาการ
ส่วนการจัดระบบการจัดซื้อจัดหาอาหาร ให้โทรสั่งตามระบบนำส่ง (Delivery) จากร้านอาหารหรือแหล่งปรุง ประกอบอาหาร ให้มาส่งในจุดที่ที่จัดเตรียมรับอาหาร และในกรณีโรงเรียน มีการเปิดเรียนแล้ว แต่ต้องปิดเรียน เนื่องจากมีการติดเชื้อภายในโรงเรียน ต้องปฏิบัติตามแผนเผชิญเหตุของสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด
@ ตรวจหาเชื้อก่อนเข้า-ใช้มาตรการซีลพื้นที่
สำหรับบุคคลากรในโรงเรียน รวมถึงครู และนักเรียนต้องตรวจหาเชื้อด้วย Antigen Test Kit (ATK) ก่อนเข้าสถานศึกษา ถ้าหากผลเป็นบวก ต้องรับการตรวจ RT-PCR เพื่อยืนยันผล
โดยเน้นการทำกิจกรรมในรูปแบบ Bubble and Seal ห้ามออกนอกสถานศึกษา 14 วัน หรือ 1 ภาคเรียน ตามเงื่อนไข หากกรณีมีความจำเป็นต้องออกนอกสถานศึกษา ต้องได้รับการขออนุญาตจากผู้บริหารสถานศึกษาและคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด และจะต้องมีการประเมินความเสี่ยงผ่าน Thai save Thai อย่างสม่ำเสมอ และปฏิบัติตนตามมาตรการส่วนบุคคลอย่างเข้มข้น
ขณะที่ ครูและบุคลากรทางการศึกษา จะต้องเข้าถึงการฉีดวัคซีน ครอบคลุมมากกว่า 85% และจัดให้มีระบบการติดตามอย่างเข้มงวด โดยเฝ้าระวังสุ่มตรวจ ATK ทุก 14 วัน หรือ 1 เดือนต่อภาคเรียน